ชื่อสมุนไพร : ทองหลาง
ชื่อพื้นเมือง : ตองหลาง
วงศ์ : ถั่ว (FABACEAE หรือ LEGUMINOSAE) และอยู่ในวงศ์ย่อยถั่ว FABOIDEAE (PAPILIONOIDEAE หรือ PAPILIONACEAE)
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Erythrina subumbrans (Hassk.) Merr
ชื่อสามัญ : Indian Coral tree, December tree
ลักษณะของสมุนไพร ต้นทองหลางป่า จัดเป็นไม้ยืนต้นผลัดใบในระยะสั้น ๆ มีความสูงของต้นประมาณ 10-20 เมตร และอาจสูงได้ถึง 25 เมตร เรือนยอดแผ่กว้าง เปลือกลำต้นเป็นสีขาวหม่น มีหนามแหลมสั้น ๆ ขึ้นกระจายทั่วลำต้นและกิ่ง มีเขตการกระจายพันธุ์จากอินเดียจนถึงอินโดนีเซีย พบขึ้นตามป่าดิบบริเวณที่ชุ่มชื้นและตามริมห้วยในป่าดิบแล้ง ที่ระดับความสูงตั้งแต่ 100-900 เมตร ใบทองหลางป่า ใบเป็นใบประกอบแบบขนนก มีใบย่อย 3 ใบ ออกเรียงสลับ ใบกลางมีขนาดใหญ่กว่าใบข้าง ลักษณะของใบย่อยเป็นหัวใจ รูปไข่แกมสามเหลี่ยม หรือรูปไข่แกมสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน ปลายใบแหลม โคนใบตัดหรือมน ส่วนขอบใบเรียบ ใบมีขนาดกว้างประมาณ 6-14 เซนติเมตร และยาวประมาณ 8-16 เซนติเมตร ออกดอกเป็นช่อกระจะบริเวณปลายกิ่ง มีขนสั้นปกคลุม ดอกย่อยมีจำนวนมาก ก้านดอกย่อยยาวประมาณ 2-3 มิลลิเมตร กลีบดอกเป็นสีแดงเข้ม ดอกมีลักษณะเป็นรูปดอกถั่ว ดอกล่างจะบานก่อน กลีบรองดอกเป็นหลอด กลีบดอกมี 5 กลีบ กลีบบนแผ่โค้งเป็นรูปเรือ ดอกมีเกสรเพศผู้ 10 อัน เชื่อมติดกันที่โคนด้านล่าง ก้านเกสรเป็นสีแดง อับเรณูเป็นสีเหลือง ติดดอกในช่วงประมาณเดือนมกราคมถึงเดือนกุมภาพันธ์
รูปภาพ
การใช้ประโยชน์ในท้องถิ่น/สรรพคุณ ใบอ่อนใช้รับประทานสดหรือใช้ใส่ในแกง หรือจะนำยอดอ่อนมาลวกรับประทานร่วมกับน้ำพริก ใส่ในแกง แกงหน่อ แกงขนุน เนื้อไม้เป็นสีขาว ค่อนข้างอ่อน ใช้ทำของเล่นสำหรับเด็ก หรือนำมาใช้ทำรั้วบ้าน เพราะมีหนามดอกให้สีแดงสำหรับใช้ย้อมผ้าตำรายาพื้นบ้านล้านนาจะใช้ทองหลางป่าผสมกับหนามแน่ นำมาตำผสมกับปูนแดงใช้สุมแก้อาการปวดศีรษะ ชาวอาข่าจะใช้ใบเป็นส่วนผสมของยารักษาวัณโรคใบใช้ตำพอกรักษาฝี (ใบ)ใบนำมาบดทาแก้โรคบวมตามข้อ ชาวเขาเผ่าเย้าจะใช้ใบทองหลางป่า นำมาตำพอกรักษากระดูกหักและแก้อาการปวดกระดูกเปลือก แก่น และใบ นำมาให้หมูหรือไก่กินเป็นยาแก้อหิวาตกโรค
แหล่งที่พบจากการสำรวจ : หมู่ที่ 1 หมู่บ้านวังดินสอ ตำบลวังนกแอ่น อำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก
ที่มาของข้อมูล
ผู้ให้ข้อมูลชื่อ – สกุล นายเฉลิม แก้วเกิด อายุ 68 ปี
ที่อยู่ 161/1 หมู่ที่ 1 หมู่บ้านวังดินสอ ตำบลวังนกแอ่น อำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก